- ภาษีอากร เป็นต้นทุนสำคัญอย่างหนึ่งของธุรกิจทุกประเภท แต่ภาษีอากรได้กลายเป็นต้นทุนที่ควบคุมไม่ได้ (uncontrollable costs) เพราะถูกกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขโดยกฎหมายภาษี (ประมวลรัษฎากร) ซึ่งมีความสลับซับซ้อนเข้าใจยาก มากด้วยระเบียบปฏิบัติ และคำวินิจฉัยที่กระจัดกระจาย ยากที่จะค้นคว้า อีกทั้งคำวินิจฉัยที่มักขัดแย้งกันเอง และมีการกลับ Ruling อยู่เนืองๆ
- ทุกบริษัทมักมอบหมายหน้าที่ด้านการปฏิบัติภาษีอากร ให้แก่ฝ่ายบัญชี ซึ่งนักบัญชีล้วนไม่มีความรู้ลึกและความชำนาญเพียงพอในการทำความเข้าใจกับกฎหมายภาษีอากร ทำให้เกิดการปฏิบัติผิดพลาด ทั้งกรณีที่รู้/ไม่รู้ และถูกตรวจพบ/ไม่พบ (เป็นประเด็นที่ซ่อนอยู่ และรอวันถูกเจ้าพนักงานออกหมายเรียกหรือตรวจพบ ซึ่งทำให้ต้องถูกประเมินภาษีเพิ่มเติมพร้อมเบี้ยปรับ เงินเพิ่มจำนวนมากๆ ก็มีให้เห็นอยู่เสมอ)
- นอกจากนั้น บางบริษัทมักชอบสอบถามปัญหาภาษีจากผู้สอบบัญชีของตน ซึ่งผู้สอบบัญชีก็ล้วนมิใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเช่นกัน สังเกตได้จากการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงิน (หมายเหตุประกอบงบการเงิน – Notes from Auditors) มักก่อให้เกิดประเด็นภาษี (tax issues) ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่สรรพากรหยิบยกขึ้นมาออกหนังสือเชิญพบ/ออกหมายเรียก/ประเมินภาษีจำนวนมากๆ ฯลฯ อยู่เนื่องๆ
- ปัจจุบันบริษัทส่วนหนึ่งมักชอบสอบถามปัญหาภาษีจาก Call Center ของกรมสรรพากร หรือ ค้นหาคำตอบเทียบเคียงจาก website ของกรมสรรพากร ซึ่งส่วนใหญ่จะได้คำตอบที่ไม่กระจ่างชัด หรือ มีข้อเท็จจริงไม่ตรงกับกรณีปัญหาของทางบริษัทจึงต้องเสี่ยงดวง ตัดสินใจปฏิบัติไป กรณีจึงมีความเสี่ยงทางภาษีที่สูง (tax exposure) และไม่คุ้มค่าต่อการวัดดวงเช่นนั้น บางกรณีก็ได้รับคำตอบที่ขัดแย้งกันเองก็มี
- การใช้บริการของที่ปรึกษาภาษี (tax consultant) จะได้ประโยชน์พอสังเขปดังนี้
- ลดความเสี่ยงทางภาษี (tax exposure)
- ลดโอกาสในการถูกออกหนังสือเชิญพบ หรือ หมายเรียก ซึ่งหากถูกประเมินภาษีเพิ่ม+เบี้ยปรับเพิ่ม+เงินเพิ่มจำนวนมาก ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและธุรกิจของบริษัทอย่างเป็นสาระสำคัญ
- บริษัทซึ่งได้ที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ ย่อมสามารถประหยัดเงินภาษีได้อย่างเป็นสาระสำคัญ
- การเสียภาษีโดยมีการวางแผนภาษีที่ดี ย่อมสามารถประหยัดภาษีกว่า การยื่นแบบโดยไม่มีความรู้หรือยื่นผิดพลาด
- ที่ปรึกษาภาษี จะเป็นหลังพิงที่อุ่นใจ ทำให้บริษัทสามารถก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ต้องพะวงหลัง
- ปัญหาภาษีอากร เกิดได้ในทุกแผนก: ฝ่ายบัญชี, การเงิน, การตลาด (ลดแลกแจกแถม), บุคคล (สวัสดิการต่างๆ), ฝ่ายผลิต (ส่วนสูญเสียฯ, การคำนวนต้นทุน), ฝ่ายจัดซื้อ (ซื้อ/เช่าซื้อ/ลิสซิ่ง) ฯลฯ และทุกระดับการบริหาร เช่น CEO (การขยายธุรกิจ, การ take over ฯลฯ), ฝ่ายกฎหมาย (การร่างนิติกรรมสัญญา) เป็นต้น
- ผลของคำปรึกษา
- เป็นการแก้ไข ข้อผิดพลาดเดิม (อดีต) และ
- แนะนำให้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง และประหยัด (ในปัจจุบัน) และ
- สามารถนำผลลัพธ์ (output) ไปใช้ในอนาคต และ
- ในกรณีการวางแผนภาษี/กลยุทธ์ภาษี บริษัทสามารถใช้ประโยชน์ในอนาคตหลายๆ ปี จึงคุ้มค่าที่จะจ้างที่ปรึกษาภาษี... เพราะโดยสถิติพบว่า รายจ่ายค่าที่ปรึกษาภาษี คิดเป็นเพียงไม่เกิน 10% ของภาษีที่ประหยัดได้ (tax savings from tax planning & compliance)